วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

รู้จัก Honda C "คลาสสิก"


HONDA C คลาสสิก

รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นที่แม่ๆ ป้าๆ ใช้ขี่ไปตลาดจับจ่ายซื้อของเป็นที่คุ้นตา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด วันนี้กลับเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวในเมืองหลวง พยายามขวนขวายหามาเป็นเจ้าของสักคัน จากนั้นนำมาแปลงโฉมจนสวยงามเอี่ยมอ่อง แม้เจ้าของเดิมมาเห็นก็อาจจะจำไม่ได้ โดยเฉพาะราคาที่เปลี่ยนไปจนแม่บ้านหลายคนต้องแปลกใจว่าอย่างนี้ซื้อรถใหม่ ไม่ดีกว่าหรือ

ความ คลาสสิก คงจะเป็นคำตอบเดียวที่ผู้นิยมรถเก่ารุ่นนี้จะอธิบายแทนความหลงใหลของพวกเขา ได้ แม้จะวิ่งไม่เร็ว ซิ่งไม่ได้ แต่ความภาคภูมิใจเวลาขี่รถคันเก๋แปลกตาบนท้องถนน คงเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากรถรุ่นใหม่เครื่องแรงทั่วไป รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า ซี เริ่มเข้ามาขายในเมืองไทยตั้งแต่ปี 1958-1959 โดยเริ่มจากรุ่นที่มีไฟหน้าติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนส่วนหน้าของรถ หรือที่เรียกว่ารุ่นไฟบนนั้นจะเข้ามาก่อน จากนั้นรุ่นไฟล่างจึงตามเข้ามาทีหลังในปี 1966 แต่เพิ่งไม่กี่ปีมานี้เองที่ฮอนด้า ซี ได้รับความนิยมจากนักเล่นรถเก่า ซึ่งไม่ใช่เพียงกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีคนทำงานที่ชอบเก็บสะสมรถโบราณอีกด้วย

ฮอนด้า ซี นี้คือรหัสของรถรุ่นพวกนี้ มันก็จะมีแยกไปเป็นซี 50 ,ซี 65,ซี 70,ซี 90 และก็ซี 100 ตัวเลขก็คือซีซีของรถ อย่างซี 50 ก็คือ 50 ซีซี ซี 90 ก็รถ 90 ซีซี ภาสกร ปั้นเพชร หรือแบงก์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนาซี อธิบายถึงความแตกต่างของรถแต่ละคันที่จอดโชว์อยู่ให้ฟัง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแต่ละรุ่นนั้นจะดูคล้ายกัน

เขาจะดูกันที่ถังน้ำมัน ซี 70 ก็จะเป็นรุ่นที่ใหม่หน่อย ถังน้ำมันจะเชื่อมติดกับบังโคลนหลัง แต่ถ้าเป็นตัวเก่าหน่อยก็จะเป็นซี 50 ถังน้ำมันจะแยกออกได้จากตัวรถ แต่ถ้าเก่ากว่านี้ก็คือ ซี 100 กับซี เอ็ม 90 เขาชี้ให้ดูฮอนด้า ซี 100 สีเขียวไข่กาที่เป็นรุ่นต้นแบบของมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ ในปัจจุบัน ส่วนซี เอ็ม 90 ที่จอดอยู่ข้างกันนั้น มีกะโหลกไฟโตกว่า และถังน้ำมันจะใหญ่กว่ารุ่นซี 100กัน เขาก็บอกว่ามันกลับมาได้สักประมาณ 4 ปีแล้ว ราคาตอนนี้ก็จะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว ยิ่งรุ่นที่หายากหน่อยราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก เช่น ซี 100 และซี เอ็ม 90 แล้วมันก็จะมีอีกรุ่นหนึ่งที่คล้ายๆ รุ่นนี้ คันนั้นจะเป็นสตาร์ทมือ เขาเรียกว่า ซี 102 คันนั้นก็จะแพงมาก น่าจะแพงที่สุดในบรรดารถผู้หญิงด้วยกัน


HoNdA C50


HoNdA C50 Z2

HoNdA C50
Resigzed ImageClick this bar to view the full image.



"ราคาของฮอนด้า ซี นั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพของรถแต่ละคันและอะไหล่ที่ใช้
รถที่ยังไม่ได้ตกแต่งซ่อมแซมกับตกแต่งเรียบร้อยแล้วก็จะราคาต่างกัน"

อย่างซี 50 สภาพที่ทำแล้วแบบนี้ ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ราคา 20,000 แล้วมันก็จะมีซี 70 แบบที่มันยังไม่ได้ทำ เป็นสภาพเดิมๆ แบบที่เขาเรียกกันว่ารถบ้าน ตามภาษาพวกรถฮอนด้าด้วยกันเขาจะเรียกว่าสภาพรถแบบแห้งๆ หมายถึงแบบที่สีรถมันนานมาแล้วตั้งแต่สมัย 20-30 ปีที่แล้ว สีมันดูแห้งๆ ก็จะเริ่มตั้งแต่ราคา 5,000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท

มันจะมีเหมือนเป็นออปชันในการขายรถ ว่ารถคันนี้ต่อทะเบียนมาแล้ว มีพ.ร.บ. ถ้ามอเตอร์ไซค์ที่ขายมี คนก็จะสนใจ เพราะเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปเสี่ยงเรื่องกฎหมายบ้านเมืองด้วย รถทำมาแล้วมีทะเบียนก็ราคาหนึ่ง ทำมาแล้วแต่ไม่มีทะเบียนมันก็จะอีกราคาหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ผ่านการทำหรือที่เรียกว่าบิลต์แล้ว จะสามารถวิ่งได้ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากทำเครื่องยนต์เสร็จก็จะเป็นขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งเปลี่ยนเบาะจากเบาะยาวเป็นเบาะคู่หรือเบาะเดี่ยวพร้อมตะแกรงท้ายรถ รวมทั้งการทำสีใหม่ด้วย

บางคนชอบแต่งแบบอนุรักษ์ ก็จะทำสีเป็นโทนสีเดิมๆ คือสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของรถที่ออกมาในตอนนั้น แต่บางคนอาจจะไม่ชอบสีเดิมของรถก็จะมาทำเป็นสีที่เขาเรียกกันว่าสีเบจ คือออกเป็นสีนวลๆ สีครีม สีชมพูอ่อน แล้วก็มีอีกแบบหนึ่งคือ แนวแฟชั่น ที่ทำสีแรงๆ อย่างสีม่วง สีส้ม สีเขียวตองอ่อน แล้วก็จะมาใส่ล้อซี่ลวดที่เขาเรียกว่าขึ้นซี่ลวดถี่ แล้วใส่ยางขอบขาว อยู่ที่ไอเดียของแต่ละคนจะแต่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบิลต์รถเก่าให้ดูใหม่แต่ละครั้ง แบงก์บอกว่าจะตกประมาณ 15,000-20,000 บาท ทั้งการชุบ ขัดเงา ทำสี อะไหล่ภายในรถและอะไหล่ตกแต่งล้อ ฯลฯ

ฮอนด้า ซี ก็คงไม่ต่างจากรถทั่วไป ที่เมื่อมีรุ่นใหม่มาแทนที่รุ่นเก่า ความนิยมก็ย่อมจะลดลง แต่เมื่อถูกจัดให้เป็นรถคลาสสิกแล้วนั้น ก็ย่อมเป็นอมตะไม่มีวันตายหรือสูญหายไปง่ายๆ รอเพียงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะเห็นคุณค่าความสวยงามและกลับมานิยมใหม่อีกครั้ง

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ครบรอบ 50 ปีกับตำนาน ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ

i LOVE HoNDA C
Super Cub 50 th Anniversary
ครบรอบ 50 ปีกับตำนาน ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ
รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซูเปอร์ คับ ยานพาหนะสองล้อรูปลักษณ์คลาสสิคคันเล็ก ๆ คันนี้เคยสร้างปรากฏการณ์ให้กับประวัติศาสตร์รถจักรยานยนต์โลกมาแล้วด้วยการเป็นรถคันแรกที่กำเนิดขึ้นในปี 1958 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ด้วยรูปร่างกะทัดรัด น่ารัก ขับขี่ง่าย ประหยัดน้ำมัน และที่สำคัญทนทานอย่างเหลือเชื่อ สิ่งเหล่านี้ ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ทั่วโลกอย่างมากมาย ฮอนด้า ตระกูล ซูเปอร์ คับ จึงเป็นรถของมหาชนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมียอดจำหน่ายทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 ล้านคัน



Honda Super Cub C100
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 50 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ
รถคับคันแรกเจ้าของตำนานความคลาสสิกตลอด 50 ปี ต้นแบบรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวในปัจจุบัน




Honda Super Cub 50
50 ซีซี. 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบหัวฉีด PGM-FI
รถ ซูเปอร์ คับ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก และยังคงมีการผลิตและจำหน่ายอย่างต่อเนื่องตลอด 50 ปี จากอดีตจนปัจจุบันใช้สะดวกกว่าเดิม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ที่สตาร์ทติดง่าย แต่ยังคงความอเนกประสงค์ ทนทาน และประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
1958 กำเนิดรถ Honda Super Cub C100 ณ ประเทศญี่ปุ่น
1965 เริ่มนำเข้ารถจักรยานยนต์ตระกูลคับสู่ประเทศไทย
1969 เริ่มการผลิต Honda Super Cub 70 ในประเทศไทย
1986 พัฒนารูปโฉมใหม่ ในรุ่น Honda Dream
1997 เปิดตัว Honda Wave ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย
2002 พัฒนารถตระกูล Wave ให้มีเครื่องยนต์ 125 ซีซี
2003 ริเริ่มระบบหัวฉีดใน Honda Wave125i เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
2004 ริเริ่มระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติรุ่นแรกใน Honda Wave125
2005 พัฒนาระบบหัวฉีด PGM-FI สู่ยุค 2 ให้มีขนาดเล็กที่สุด และผลิตในประเทศไทย




Honda Little Cub
50 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบหัวฉีด PGM-FI วงล้อขนาดเล็ก 14 นิ้ว เลี้ยวง่าย คล่องตัว เบาะสูงกำลังดีขี่สบาย ดีไซน์แนวโมดิร์นคลาสสิก สมกับเป็นรถคับแห่งยุคปัจจุบัน

ประวัติ เวสป้า สุดยอดตำนานรถคลาสสิค

ประวัติ เวสป้า สุดยอดตำนานรถคลาสสิค

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Piaggio ที่แต่เดิมมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือและส่วนเครื่องบินหันมาผลิตเครื่อง ยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง

ในเดือนธันวาคมปีค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำ กระเด็นใส่ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย" ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อ (Wasp)

รุ่นแรกมี scooterขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและ ด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ

สำหรับคนที่เล่นพวกรถคลาสสิคพวกนี้น่าจะมีกำลังทรัพย์มากพอสมควรนะ เพราะไหนจะค่าอะไหล่รถ ซึ่งบางอย่างก็หายาก ค่าแต่งรถ หรือบางทีอาจโดนใบสั่งจากตำรวจอีกเพราะเวสป้าบางคันมันก็ไม่มีทะเบียนซึ่งก็ เสี่ยงที่จะถูกตำรวจยึดไปเหมือนกัน”


ในประเทศไทย Piaggio Group มีตัวแทนจำหน่ายรถเวสป้า ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ไทยเจริญ อะไหล่ยนต์ จำกัด




รุ่น VLC Super 150

รุ่น VLB Sprint 150




รุ่น VBB Standard 150



เวสป้า V9A


เวสป้า VNA



Vespa U - U มาจาก utilitaria (ภาษาไทย แปลว่า ประหยัด) เป็นรุ่นปี 1953 model ราคา 110 mila Lira ถูกผลิตออกมา 7000 คัน









VESPA SS50


VESPA SS90 (4 spd)-90 SS Super Sprint

เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นลั่นไทย

เมื่อ 3 ผู้บริหารหนุ่มสาวทายาทตระกูลดัง คือ "ใหม่" พรนฎา นิวาตวงศ์, "พีท" ประณิธาน พรประภา และ "หนึ่ง" วิสุทธิ์ เตชะไพบูลย์ ร่วมลงขันจัดตั้งค่ายเวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนจำหน่าย"เวสป้า" (Vespa) รถสกู๊ตเตอร์แบรนด์ดังจากอิตาลีพร้อมเปิดตัวกระหึ่มอย่างเป็นทางการในงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค-6 เม.ย.ที่่ผ่านมา ที่ไบเทคบางนา

ขณะที่โชว์รูมใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนน ทองหล่อ (สุขุมวิท 55) แล้วเสร็จในปลายเดือนเมษายนที่ผ่า่นมา

คุณใหม่ในฐานะกรรมการผู้จัดการของเวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) ตีฆ้องผ่างๆแจ้งมาว่า แผนปีนี้จะลุยเข้มสร้างแบรนด์เวสป้าให้หวน กลับมากระหึ่มอีกครั้ง

พร้อมประเดิมทำตลาด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น LX 150 นำเข้าจากเวียดนาม, GTS 250, GTV 250 และรุ่น GTS 300 Super ซึ่ง 3 รุ่นหลังนำเข้ามาจากอิตาลี ถิ่นกำเนิดของเวสป้า

ตั้งเป้าขายปีนี้ไม่ ต่ำกว่า 2,000 คัน!สำหรับ เวสป้า LX 150 พัฒนามาจากทรงคลาสสิก ตัวถังเหล็กสตีล ที่สร้างชื่อเวสป้ากระหึ่มโลก พัฒนาใหม่เล่นเส้นสายบาดคม แต่ยังสะท้อนความงดงามเหนือกาลเวลา สะดุดตาด้วยโคมไฟหน้าทรงกลม เครื่องยนต์ 150 ซีซี กำลังส่ง 11.7 แรงม้า ทำความเร็ว 95 กม./ชม. ราคา 99,000 บาท

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

กำเนิดลิงน้อย ฮอนด้า มังกี้ Honda Monkey


เรื่อง ราวของลิงน้อย เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมา ใหม่เพื่อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้
โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์คันน้อยนี้ว่ารุ่น " แซด ร้อย " Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น
Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค " Tama Tech " บริเวณรอบๆ โรงงานของฮอนด้านั้นเอง และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่ เป็นทางการว่า " ฮอนด้า มังกี้ " " Honda Monkey " ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์
ในช่วงแรกที่ทำขึ้นมานี้ยังไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างจริงจัง เหมือนเป็นเพียงโครงงานที่คิดขึ้นมาแล้วรอเช็คกระแสตอบรับอยู่ว่าจะไปรอด หรือไม่ แต่หลังจากที่ Z100 ผ่านสายตาพนักงานที่พบเห็นและลองขับขี่แล้วปรากฎว่า กระแสตอบรับดีมากมีแฟนๆ คลั่งไคล้ ทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่พบเห็นล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ

ฮอนด้า นำเจ้า Z 100 มาปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อให้สามารถใช้ขับขี่บนถนนสาธารณะทั่วๆไปได้ ใช้เวลา 2 ปี พัฒนา จนกลายมาเป็นรุ่น " ซีแซด ร้อย " CZ 100 ในปี ค.ศ.1963 ที่พร้อมจะส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศซะด้วย ลิงตัวนี้ไม่ได้คิดอะไรมากได้ยกถังน้ำมันชุบโครเมี่ยมจากจากคันใหญ่ ลงมาใส่กับตัวโครงเล็กของมัน ดูผิวเผินกับคันแรกก็คงมีแค่ถังน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้เจ้าลิงตัวนี้ดูเจ้าเนื้อขึ้นมาอีกหน่อยนึงเท่านั้นเอง

และ ในปี ค.ศ. 1967 ( พ.ศ.​2510 )ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของเจ้าลิงน้อย เพราะทางโรงงานพร้อมที่จะเปิดไลน์ผลิตจำนวนมากๆได้แล้ว จึงจัดมังกี้อยู่ในส่วนหนึ่งของสายการผลิต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมคนรักลิงน้อยตัวนี้ที่อยู่ต่างแดนทั่วโลกจึง เพิ่งรู้จักมันในปีนี้ ทั้งๆที่ตัวจริงของมันออกมาวิ่งเพ่นพ่านตั้งแต่ 6 ปีที่แล้วในญี่ปุ่น
มังกี้รุ่นแรก ที่ทำตลาดอย่างจริงจังในญี่ปุ่นคือรุ่น Z50M ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์จากระบบ โอเวอร์เฮดวาล์ว OHV มาใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ระบบ ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพ ของมอเตอร์ไซด์รุ่นยอดนิยมที่สุดของฮอนด้าในตอนนั้นคือ ซุปเปอร์คัพ ซี 50 Super Cup C 50 ที่มี 3 เกียร์ คลัตช์อัตโนมัติ ที่เรียกกันว่ารถผู้หญิง นำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแค่ ระบบไอดี ไอเสีย เฟืองทดเกียร์ และที่เพิ่มขึ้นมาพิเศษคือ มีวาล์วเปิดปิดที่ถังน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกมาเวลาจับนอนตะแคงเวลาขนขึ้นรถยนต์
Z50M ถูกออกแบบให้มีแฮนด์แยกกันอิสระเป็น 2 ชิ้นสามารถคลายล็อค และพับเก็บได้ เบาะมีขนาดกระชับเพื่อให้สามารถใส่วางในห้องโดยสารรถยนต์ได้สะดวก
สีสันบนตัวทำได้สวยสะดุดตาด้วยสีแดง ขาว และโครเมี่ยม " เบาะนั่งลายสก๊อต" ยิ่งทำให้ดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
สัดส่วนของลิงตัวนี้ทำได้น่ารักมาก ความกว้างของมันเมื่อคลายน๊อตยึดมือจับจะเหลือเพียง 35 เซนติเมตร ความสูงจากพื้นหดได้เหลือ 61 เซนติเมตร ความยาวก็เหลือเพียง 65 เซนติเมตร และตั้งราคาขายไว้ที่ 63,000 เยน (ในปี 1967นะจ๊ะ)
ตามความเป็นจริงแล้ว เจ้าลิงน้อย Z50M ตัวนี้สามารถขับขี่วิ่งบนท้องถนนทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ อยู่แล้ว แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า ดูยังไงมันก็ยังดูเป็นของเล่นมากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์วันยังค่ำ

ใน ปี ค.ศ. 1969 ฮอนด้า มังกี้ รุ่น Z50A ก็ถูกผลิตออกมา มันถูกปรับปรุงอย่างมาก ตะเกียบหน้าถูกเปลี่ยนเป็นโช๊คอัพแบบกระบอก พร้อมอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยอีกหลายรายการเช่น กระจกมองหลังและไฟเลี้ยว และเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ล้อที่แต่เดิมใช้ขนาด 5 นิ้ว จึงถูกเพิิ่มขนาดขึ้นเป็น 8 นิ้ว

ใน ปี ค.ศ. 1970 ฮอนด้าเปิดตัวมังกี้ตัวใหมใช้ชื่อรุ่นว่า Z50Z เป็นรุ่นที่ได้พัฒนาปรับปรุงจากเดิมไปมาก เริ่มจากแฮนด์จับที่คลายพับง่ายกว่าเดิม และเมื่อพับแล้วใช้พื้นที่วางในรถน้อยกว่าเดิม สีสันที่ให้มากับลิงรุ่นนี้ก็ล้วนแต่สดใสมีชีวิตชีวา มีให้เลือก 3 อารมณ์คือ แดง candy – red , น้ำเงิน candy – blue และ เหลือง bright yellow และที่ถังน้ำมันออกแบบเป็น 2 สีตัดกัน( two – tone ) ลายใหม่
ในปี ค.ศ. 1974 เราก็ได้เห็น มังกี้รุ่น Z50J ที่ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของมังกี้ที่เราเห็นในปัจจุบัน คือได้นำเอาระบบต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาใช้หลายอย่าง ตั้งแต่ระบบกันสะเทือน สวิงอาร์มที่ล้อหลัง เฟรมแบบ backbone ที่แข็งแรง และกระทะล้อที่เป็นแบบมาตรฐาน ซึ่งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งหมดที่กล่าวมาเมื่อขับขี่จะรู้สึกได้ อย่างชัดเจนว่า ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีเหมือนมอเตอร์ไซด์คันใหญ่
ต่อมาในปี ค.ศ. 1978 มังกี้ก็ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ได้ปรับเปลี่ยนรูปทรงของถังน้ำมันทรงเหลี่ยมอย่างเดิม ที่คนรักมังกี้บ้านเราเรียกมาตลอดว่า " ถังมะละกอ " ให้มีความโค้งมนมากขึ้น กลายเป็นถังรูปทรง " หยดน้ำตา " " tear drop " ที่ชาวลิงน้อยเรียกให้เป็นมงคลนามสั้นๆ ว่า " ถังหยดน้ำ " ที่กลายมาเป็นรูปแบบของถังน้ำมันมังกี้จนถึงปัจจุบัน และได้ขยายขนาดเบาะนั่งให้ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับก้นฝรั่งตัวใหญ่ ทำให้ดูคล้ายกับรถมอเตอร์ไซด์ช๊อปเปอร์ของอเมริกัน เครื่องยนต์ก็มีกำลังมากขึ้น เพียบพร้อมด้วยระบบไฟสัญญาณต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ในเดือน มกราคม เริ่มต้นของยุค มิเลเนี่ยม ปี 2000 ในวาระพิเศษเช่นนี้ ฮอนด้าก็ต้องมีอะไรดีๆ มาฝากคนรักมังกี้แน่นอน จึงได้ออกมังกี้รุ่นพิเศษผลิตในจำนวนจำนวนจำกัด 3,000 คันโดยใช้ชื่อรุ่นว่า มังกี้ " 2000 ANNIVERSARY " โดยใช้สีและลวดลายแบบเดียวกับมังกี้รุ่น Z50Z ที่ผลิตในปี ค.ศ. 197
ฮอนด้าได้ผลิต มังกี้ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยยังคงจุดเด่นที่สำคัญของมันตลอดมาคือ เป็นมอเตอร์ไซด์แคระคันเล็กโดยที่เจ้าของมังกี้แต่ละคนสามารถตกแต่งมังกี้ของตนได้อย่างตามใจชอบไม่ว่า จะเป็นการตกแต่งเพื่อสวยงามภายนอก หรือแต่งซิ่งเพื่อประลองความเร็ว โดยมีรายการของตกแต่งมากกว่า 1,500 รายการเชียวหละครับ